สภาหอฯ หารือนายกฯ ปลดล็อกปัญหาด้านการท่องเที่ยว
เร่งขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ
วันที่ 14 พ.ย.62 เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทย โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และภาคเอกชน นำโดยนายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมคณะ เข้าร่วมการประชุมหารือ
นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุมว่า รัฐบาลเน้นย้ำช่วงฤดูการท่องเที่ยวมีความเกี่ยวพันกับหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลางหรือขนาดเล็ก รวมถึงการค้าปลีก วันนี้สิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดคือการดูแลผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยภาคธุรกิจมาช่วยด้วย ทำอย่างไรที่จะทำให้คนไทยมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงการดูแลราคาสินค้าต่าง ๆ ในช่วงที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าการปฏิรูปประเทศ สิ่งที่เราให้ความสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือการปฏิรูปด้านเศรษฐกิจประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก ทุกภาคส่วนทุกระดับมีความสำคัญทั้งสิ้น ไม่สามารถทิ้งใครไว้ข้างหลังได้ ต้องแก้ไขเดินหน้าให้เข้มแข็งไปด้วยกัน เปรียบดั่งไม้ไผ่มัดรวมกันเป็นกำ จะหักยากและแข็งแรงขึ้น ซึ่งสิ่งที่จะคุยกันวันนี้เป็นเรื่องที่ภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือกันมาก่อนหน้านี้แล้ว หลาย ๆ เรื่องจะต้องมีการปรับวิธีการใหม่ โดยเรื่องใดที่ทางภาครัฐจะช่วยดำเนินการให้ได้ก็ยินดี
ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงผลการประชุมหารือว่า ที่ประชุมได้หารือด้านเศรษฐกิจเน้นในเรื่องการท่องเที่ยว ได้รับฟังข้อเสนอจากภาคธุรกิจทุกภาคส่วนทั้งในส่วนของผู้ประกอบการการท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม ร้านค้าปลีก รวมถึงเรื่องเมืองหลักเมืองรอง การใช้ประโยชน์จากดิจิทัลในการบริหารงาน กฎกระทรวง กฎหมาย ที่วิธีการปฏิบัติหลาย ๆ อย่างอาจจะล้าสมัยยังไม่สอดคล้องในปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องปรับแก้ในอนาคต โดยวันนี้ได้เร่งรัดว่าทุกอย่างจะต้องแก้ไข รีบคิด รีบพิจารณาเป็นกลุ่มย่อย หาแนวทางการแก้ไข ซึ่งเราได้ปรับไปหลายอย่างแล้ว ตั้งแต่การประชาสัมพันธ์สิ่งที่ดีงามของประเทศไทย เพราะการจะเขียนจะโพสต์อะไรต่าง ๆ จะเผยแพร่ออกโซเชียลมีเดียไปได้ทั้งโลก ซึ่งในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ การสร้างบ้านเมืองให้น่าอยู่น่าเที่ยวนั้นข้อสำคัญคือทุกคนต้องรู้จักเผื่อแผ่แบ่งปัน รายใหญ่ รายเล็ก ร้านค้าปลีก จะช่วยกันอย่างไร เมืองใหญ่เมืองรองต่าง ๆ ทั้งหมด และหลายอย่างต้องขับเคลื่อนด้วยการประชุมขนาดใหญ่ หรือ Mice การจัดกีฬา การจัดดนตรี การจัดมหกรรมดนตรีของนักดนตรีที่มีชื่อเสียงของโลกจะสามารถทำได้หรือไม่ ถ้าได้จัดในสถานที่สวยงามของไทยก็จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวที่ชอบฟังเพลงให้มาท่องเที่ยวได้ โดยจะต้องมีการลงทุน มีการร่วมมือกัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นอกจากนี้ จะต้องระมัดระวังเรื่องความมั่นคงด้วย การท่องเที่ยวมีสัดส่วนเกิน 20% ของ GDP เพราะมีหลาย Sector บาง Sector ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งมีผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น สถานประกอบการที่ถูกกฎหมายกับผิดกฎหมาย ที่ดินถูกกฎหมาย กับที่ดินผิดกฎหมาย โรงแรมถูกกฎหมายได้มาตรฐานกับโรงแรมไม่ได้มาตรฐาน ที่จะต้องแก้ไขให้ภาคเอกชน เพื่อไม่ให้เดือดร้อนกันไปทั้งหมด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับกฎหมาย จึงต้องช่วยกันทำทั้งหมด ซึ่งตนอยากให้เร่งแก้ไขปัญหาที่ภาคเอกชนขอมาในวันนี้ให้ได้ภายใน 1 – 2 เดือน เรื่องใดที่ทำได้ก็ให้ทำ โดยทำคู่ขนานกันไปกับการแก้ปัญหาระยะยาว รวมทั้งจะมีการทำแผนแม่บทเรื่องการท่องเที่ยว ที่จะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ปี 2560 – 2564 ช่วง 5 ปีแรก ซึ่งที่ผ่านมา 3 ปีสามารถแก้ปัญหาไปได้มากพอสมควร ดังนั้น แผนแม่บทเรื่องการท่องเที่ยวจะต้องทำให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 5 ปีแรกกับแผน 5 ปี ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แต่จะไม่ได้ไปล็อกเรื่องใด สามารถปรับได้ทั้งหมด แก้ไขได้ทุกอย่างตามสถานการณ์วันหน้าที่เปลี่ยนไป ไม่ได้เป็นการสืบทอดอำนาจใครทั้งสิ้น แต่เป็นอำนาจการบริหารงานของส่วนราชการกับภาคธุรกิจเอกชนที่ร่วมมือกัน
ด้านนายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวหลายภาคส่วน ได้เข้าประชุมหารือกับนายกรัฐมนตรีถึงแนวทางที่ภาครัฐสามารถช่วยด้านการท่องเที่ยวได้ ซึ่งภาคเอกชนได้หารือร่วมกับหน่วยงานราชการมาก่อนหน้าแล้วเมื่อวานนี้ บางเรื่องก็เพิ่งทราบว่ารัฐบาลได้ดำเนินการแล้ว เช่น เรื่องวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว Long Stay ที่ต้องใช้การประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น พร้อมกับที่ประชุมวันนี้ได้หารือถึงแนวทางการกระตุ้นรายได้ของ SMEs และคนในท้องถิ่น แนวทางการทำ Walking Street ช่วงจากนี้ถึงปลายปี 62 หรือต้นปี 63 ที่จะมี Walking Street ทดลองทุกวันอาทิตย์ อาจจะเป็นที่เยาวราช หรือหลายแห่งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในจังหวัดที่สามารถทำได้ นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงเรื่องแนวทางการติดไฟฟ้าในแหล่งโบราณสถานต่าง ๆ เพื่อให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวในเวลากลางคืน
พร้อมกันนี้ ได้หารือกันว่ามีกฎหมายใดที่สามารถแก้ไขได้ โดยภาคเอกชนได้เสนอไปหลายเรื่อง ที่ต้องมาหารือต่อไปว่าจะสามารถออกเป็นกฎกระทรวงได้หรือไม่ อย่างไร นอกจากนี้ มีการหารือถึงการดึงบล็อกเกอร์ คนเขียนข่าวจากต่างประเทศ เพื่อให้ช่วยโปรโมตประเทศไทย โดยในต้นปี 63 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะดึงบล็อกเกอร์และนักข่าวจากทั่วโลกมาช่วยทำเรื่องนี้ ขณะที่เรื่อง Mice จะมีงานอีเว้นท์ใหญ่ระดับโลกมาจัดที่ประเทศไทย รวมทั้งเรื่องการแข่งขันกีฬา การจัดแสดงคอนเสิร์ตของนักร้องดัง ก็จะมีการดึงเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น ซึ่ง สสปน. มีแผนดำเนินการและภาคเอกชนพร้อมช่วยโปรโมต และภาคเอกชนยังได้หารือถึงเรื่องขอให้รัฐบาลสนับสนุน TAGTHAi Application หรือ แอพทักทาย ที่เปิดตัวไปเมื่อวานนี้ โดยแอพทักทาย สามารถจองห้องพัก จองตั๋วเครื่องบิน รวมทั้งดูข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในประเทศไทยด้วย
นายกลินท์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ภาคเอกชนอยากให้ BOI ช่วยดูเรื่องกฎ กติกา มารยาท ที่จะโปรโมตเรื่องแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ Man Made Tourism ในประเทศไทย เพื่อดึงนักลงทุนให้มาลงทุนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ขอให้รัฐบาลช่วยโปรโมต Man Made Tourism ที่ดี ๆ ในประเทศไทยด้วย รวมทั้งในเรื่องของมาตรการภาษี ที่สายการบินได้รับผลกระทบ โดยเมื่อ 2 ปีที่แล้วภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินอยู่ที่ 0.23% แต่ปัจจุบันภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินอยู่ที่ 23% ซึ่งภาคเอกชนจะหารือกับกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลังอีกครั้ง ขณะที่เรื่องแนวทางจุด Vat Refund For Tourist นอกสนามบิน ที่ภาคเอกชนดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลังมาแล้ว 5 แห่งนั้น ภาคเอกชนก็อยากให้มีจุด Vat Refund For Tourist นอกสนามบินเพิ่มขึ้นอีกหลายจุด ทั้งในกรุงเทพฯ และกระจายไปทั่วประเทศ โดยจะได้มีการหารือแนวทางร่วมกันต่อไป
ทั้งนี้ จะมีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นผู้ประสานงาน เพื่อติดตามการดำเนินงานเรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยวดังกล่าว เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ดีขึ้น ให้เกิดการกระจายรายได้ที่เร็วที่สุด ด้านนายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวหลายภาคส่วน ได้เข้าประชุมหารือกับนายกรัฐมนตรีถึงแนวทางที่ภาครัฐสามารถช่วยด้านการท่องเที่ยวได้ ซึ่งภาคเอกชนได้หารือร่วมกับหน่วยงานราชการมาก่อนหน้าแล้วเมื่อวานนี้ บางเรื่องก็เพิ่งทราบว่ารัฐบาลได้ดำเนินการแล้ว เช่น เรื่องวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว Long Stay ที่ต้องใช้การประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น พร้อมกับที่ประชุมวันนี้ได้หารือถึงแนวทางการกระตุ้นรายได้ของ SMEs และคนในท้องถิ่น แนวทางการทำ Walking Street ช่วงจากนี้ถึงปลายปี 62 หรือต้นปี 63 ที่จะมี Walking Street ทดลองทุกวันอาทิตย์ อาจจะเป็นที่เยาวราช หรือหลายแห่งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในจังหวัดที่สามารถทำได้ นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงเรื่องแนวทางการติดไฟฟ้าในแหล่งโบราณสถานต่าง ๆ เพื่อให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวในเวลากลางคืน
พร้อมกันนี้ ได้หารือกันว่ามีกฎหมายใดที่สามารถแก้ไขได้ โดยภาคเอกชนได้เสนอไปหลายเรื่อง ที่ต้องมาหารือต่อไปว่าจะสามารถออกเป็นกฎกระทรวงได้หรือไม่ อย่างไร นอกจากนี้ มีการหารือถึงการดึงบล็อกเกอร์ คนเขียนข่าวจากต่างประเทศ เพื่อให้ช่วยโปรโมตประเทศไทย โดยในต้นปี 63 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะดึงบล็อกเกอร์และนักข่าวจากทั่วโลกมาช่วยทำเรื่องนี้ ขณะที่เรื่อง Mice จะมีงานอีเว้นท์ใหญ่ระดับโลกมาจัดที่ประเทศไทย รวมทั้งเรื่องการแข่งขันกีฬา การจัดแสดงคอนเสิร์ตของนักร้องดัง ก็จะมีการดึงเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น ซึ่ง สสปน. มีแผนดำเนินการและภาคเอกชนพร้อมช่วยโปรโมต และภาคเอกชนยังได้หารือถึงเรื่องขอให้รัฐบาลสนับสนุน TAGTHAi Application หรือ แอพทักทาย ที่เปิดตัวไปเมื่อวานนี้ โดยแอพทักทาย สามารถจองห้องพัก จองตั๋วเครื่องบิน รวมทั้งดูข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในประเทศไทยด้วย
นายกลินท์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ภาคเอกชนอยากให้ BOI ช่วยดูเรื่องกฎ กติกา มารยาท ที่จะโปรโมตเรื่องแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ Man Made Tourism ในประเทศไทย เพื่อดึงนักลงทุนให้มาลงทุนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ขอให้รัฐบาลช่วยโปรโมต Man Made Tourism ที่ดี ๆ ในประเทศไทยด้วย รวมทั้งในเรื่องของมาตรการภาษี ที่สายการบินได้รับผลกระทบ โดยเมื่อ 2 ปีที่แล้วภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินอยู่ที่ 0.23% แต่ปัจจุบันภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินอยู่ที่ 23% ซึ่งภาคเอกชนจะหารือกับกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลังอีกครั้ง ขณะที่เรื่องแนวทางจุด Vat Refund For Tourist นอกสนามบิน ที่ภาคเอกชนดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลังมาแล้ว 5 แห่งนั้น ภาคเอกชนก็อยากให้มีจุด Vat Refund For Tourist นอกสนามบินเพิ่มขึ้นอีกหลายจุด ทั้งในกรุงเทพฯ และกระจายไปทั่วประเทศ โดยจะได้มีการหารือแนวทางร่วมกันต่อไป
ทั้งนี้ จะมีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นผู้ประสานงาน เพื่อติดตามการดำเนินงานเรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยวดังกล่าว เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ดีขึ้น ให้เกิดการกระจายรายได้ที่เร็วที่สุด
Latest Events
Nong Nooch Garden Pattaya welcomes the Minister of Education to open the annual meeting “Transparent and United Against Corruption” at the Nong Nooch Pattaya International Convention and Exhibition Center (NICE).
เมษายน 22, 2024สวนนงนุชพัทยา ต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดการประชุมประจำปี “สพฐ. โปร่งใส ร่วมใจต้านทุจริต” ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ (NICE)
เมษายน 22, 2024농눅 열대 정원에 피는 마하 송크란 꽃
เมษายน 18, 2024Maha Songkran Flowers Blooming at Nong Nooch Tropical Garden
เมษายน 18, 2024芭堤雅东芭花园开业啦!庆祝“东巴热带花园泼水节鲜花盛开”,同时欣赏可爱的小象向母象头上浇水!!!!
เมษายน 18, 2024เทศกาล “ มหาสงกรานต์ ดอกไม้บาน ที่สวนนงนุช ”
เมษายน 18, 2024높이 5.5m가 넘고 총 무게가 24톤이 넘는 고질라 VS 킹콩을 만드는 데 단 23일이 걸렸습니다.
เมษายน 1, 2024Godzilla VS King Kong, height over 5.5 meters, total weight of over 24 tons, took only 23 days to build.
เมษายน 1, 2024哥吉拉VS金剛,高度超過5.5米,總重量超過24噸,僅耗時23天打造而成。
เมษายน 1, 2024ก็อดซิลลา VS คิงคอง ความสูงกว่า 5.5 เมตร น้ำหนักรวมกว่า 24 ตัน ใช้เวลาสร้างเพียง 23 วัน
เมษายน 1, 2024